By Amin Chand
สำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ผู้เชี่ยวชาญและชุมชน
ในขณะที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น TikTok เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการเริ่มต้นการสนทนาเกี่ยวกับสุขภาพ แต่ก็เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ข้อมูลที่ผิดพลาดด้วย เช่นเดียวกับการดูแลความสะอาดในที่ส่วนตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน การใช้เทคนิค DIY ที่อันตรายอาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
หากคุณต้องการการดูแลในที่ส่วนตัวที่ปลอดภัยและได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญ ให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสมดุล pH และเป็นมิตรกับไมโครไบโอม เช่น Undecimber’s Advanced Intimate Wash ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้คุณรู้สึกสดชื่นและมั่นใจโดยไม่ทำลายสมดุลตามธรรมชาติของคุณ

บทนำ

TikTok กลายเป็นจุดสนใจสำหรับแนวโน้มสุขภาพและการดูแลสุขภาพ แต่ไม่ใช่ทุกคำแนะนำที่แบ่งปันในแพลตฟอร์มนี้จะปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเกี่ยวข้องกับสุขอนามัยในที่ส่วนตัว ในขณะที่บางผู้มีอิทธิพลส่งเสริมเคล็ดลับด้านสุขอนามัยที่ดี แต่คนอื่นก็แพร่กระจายข้อมูลที่ผิดพลาดซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ

ในบทความนี้เราจะทำการเปิดเผยคำแนะนำด้านสุขอนามัยในที่ส่วนตัวที่เลวร้ายที่สุดที่เราเคยเห็นบน TikTok และอธิบายว่าผู้เชี่ยวชาญที่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์แนะนำอะไรจริงๆ

1. การใช้น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวเพื่อ “ปรับ pH”

ผู้ใช้ TikTok บางคนอ้างว่าการทาน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวจะช่วยฟื้นฟู pH ของช่องคลอดหรือลดกลิ่น:

ทั้งน้ำส้มสายชู (pH ~2.5) และน้ำมะนาว (pH ~2.0) มีความเป็นกรดสูงและอาจระคายเคืองผิวที่บอบบาง
พวกเขาอาจทำลายแบคทีเรีย Lactobacilli ที่มีประโยชน์ ซึ่งช่วยป้องกันการติดเชื้อ
การทำลายสมดุลที่เป็นธรรมชาติอาจทำให้เกิดโรคแบคทีเรียในช่องคลอด (BV) และการติดเชื้อยีสต์
สิ่งที่ควรทำแทน:

ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในที่ส่วนตัวที่มีสมดุล pH (pH 3.5-4.5 สำหรับผู้หญิง, 5.5-6.5 สำหรับผู้ชาย) เพื่อสนับสนุนไมโครไบโอมตามธรรมชาติ
หลีกเลี่ยงสารละลายที่เป็นกรดแบบ DIY เพราะอาจทำให้เกิดการเผาไหม้ ระคายเคือง และเกิดความไม่สมดุล
(ที่มา: American College of Obstetricians and Gynecologists)

2. การอบไอน้ำในบริเวณที่ส่วนตัว

การอบไอน้ำช่องคลอด ซึ่งถูกโปรโมทว่าเป็นการรักษาด้วยการดีท็อกซ์ รวมถึงการนั่งเหนือไอน้ำสมุนไพรที่ร้อน แม้ว่าแนวโน้มนี้จะได้รับความนิยม แต่ก็ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนและอาจเป็นอันตราย:

ไอน้ำไม่ได้ “ทำความสะอาด” ช่องคลอด—มันสามารถทำความสะอาดได้เอง
การสัมผัสกับอุณหภูมิสูงอาจทำให้เกิดการไหม้ แห้ง และระคายเคือง
ส่วนผสมสมุนไพรที่ใช้ในขณะอบอาจกระตุ้นการแพ้
สิ่งที่ควรทำแทน:

ปล่อยให้ระบบทำความสะอาดตามธรรมชาติของร่างกายทำงาน—ช่องคลอดผลิตของเหลวเพื่อล้างทำความสะอาดตัวเอง
หากคุณพบกลิ่นหรือการระคายเคืองที่ผิดปกติ ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญแทนที่จะใช้วิธีการอบไอน้ำ
(ที่มา: Mayo Clinic)

3. การใช้น้ำหอมผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่น “ที่นั่น”

มีผู้มีอิทธิพลจำนวนมากใน TikTok แนะนำให้ใช้สเปรย์น้ำหอม น้ำมันหอมระเหย หรือผ้าเช็ดทำความสะอาดที่มีกลิ่นเพื่อ “อยู่ให้สดชื่น” แต่สิ่งนี้อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในที่ส่วนตัวอย่างมาก:

น้ำหอมมีแอลกอฮอล์และสารเคมีที่ทำให้เกิดการระคายเคืองและความแห้ง
อาจทำให้ไมโครไบโอมตามธรรมชาติผิดปกติ เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อและการแพ้
กลิ่นที่แรงอาจกลบปัญหาสุขภาพที่อยู่เบื้องหลัง (เช่น BV หรือการติดเชื้อ) ทำให้การรักษาถูกเลื่อนออกไป
สิ่งที่ควรทำแทน:

ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในที่ส่วนตัวที่ปราศจากน้ำหอมและได้รับการอนุมัติโดยแพทย์ผิวหนัง
สวมใส่กางเกงในผ้าฝ้ายที่ระบายอากาศได้ดีเพื่อลดเหงื่อและการสะสมของกลิ่น
หากมีกลิ่นที่ผิดปกติหรือแรง ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
(ที่มา: International Journal of Women’s Dermatology)

4. การใช้เบกกิ้งโซดาเพื่อลดกลิ่น

บางผู้ใช้แนะนำให้ใช้เบกกิ้งโซดาในอ่างอาบน้ำเพื่อควบคุมกลิ่นหรือการติดเชื้อ:

⦁ เบกกิ้งโซดามีค่า pH ประมาณ 9 ซึ่งเป็นด่างและสามารถทำให้สมดุลที่เป็นกรดตามธรรมชาติเสียไป ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
⦁ มันจะกำจัดแบคทีเรียที่ปกป้อง ทำให้เกิดการระคายเคืองและแห้งกร้าน
⦁ ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันว่าเบกกิ้งโซดามีประโยชน์ต่อสุขอนามัยในบริเวณที่บอบบาง

สิ่งที่ควรทำแทน:

⦁ รักษาสุขอนามัยที่ดีด้วยการล้างที่มีความอ่อนโยนและมีความเป็นกลางของ pH
⦁ แก้ปัญหากลิ่นด้วยการควบคุมอาหาร ใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ และดื่มน้ำให้เพียงพอ
⦁ ปรึกษาแพทย์มืออาชีพหากกลิ่นยังคงอยู่

(แหล่งที่มา: วารสารการไมโครไบโอลอจีคลินิก)

5. การใช้ของใช้ในบ้านเป็นสารหล่อลื่น DIY

TikTok ได้แนะนำทางเลือกที่อาจเป็นอันตรายหลายอย่างแทนสารหล่อลื่นที่ซื้อจากร้านค้า เช่น:

⦁ น้ำมันมะพร้าว (อาจทำให้จุลินทรีย์เสียสมดุลและกระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อรา)
⦁ เจลว่านหางจระเข้ (มักมีสารเติมแต่งและสารกันบูดที่ทำให้เกิดการระคายเคือง)
⦁ น้ำมันเด็กหรือเจลลี่ปิโตรเลียม (อาจเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อและการแตกของถุงยาง)

สิ่งที่ควรทำแทน:

⦁ ใช้สารหล่อลื่นที่มีฐานน้ำหรือซิลิโคนที่ผ่านการรับรองจากสูตินรีแพทย์
⦁ หลีกเลี่ยงสารที่มีน้ำมันหรือมีน้ำตาลซึ่งอาจเปลี่ยนค่า pH และกระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย

(แหล่งที่มา: สมาคมสุขภาพทางเพศแห่งอเมริกา)

References:

  • American College of Obstetricians and Gynecologists. "Vaginal Health and Hygiene Myths." Read here
  • Mayo Clinic. "Risks of Vaginal Steaming and Alternative Therapies." Read here
  • International Journal of Women’s Dermatology. "The Impact of Fragrances on Sensitive Skin." Read here
  • Journal of Clinical Microbiology. "pH Disruptions and Bacterial Overgrowth." Read here
  • American Sexual Health Association. "Safe Lubricants and Sexual Health." Read here
กลับไปยังบล็อก